ในช่วงปลายปี 2568 – 2569 Toyota เตรียมเปิดตัวกระบะรุ่นใหม่ “Hilux TRAVO” ซึ่งถูกมองว่าเป็นการก้าว “ครั้งใหญ่” ของ Hilux ในประเทศไทย โดยจะเปิดตัวที่ไทยเป็นที่แรกในโลก วันที่ 10 พ.ย. 2568
หนึ่งในประเด็นที่สำคัญคือ ระบบไอเสียและการลดมลพิษ — และในบทความนี้เราจะพูดถึงเรื่องของ AdBlue (หรือที่รู้จักในชื่อ Diesel Exhaust Fluid/DEF) กับ Toyota Hilux TRAVO โดยเฉพาะถ้ามีเครื่องยนต์ดีเซลที่ใช้ระบบ SCR
AdBlue คืออะไร?

สำหรับ Toyota ได้ให้ข้อมูลว่า:
- เป็น “non-toxic colourless solution of water and urea” ใช้ในรุ่นดีเซลบางรุ่นที่มีระบบ SCR Toyota NZ
- ถัง AdBlue แยกจากถังดีเซล และมักจะมีฝาสีฟ้าหรือมีสัญลักษณ์เฉพาะ
- หาก AdBlue หมดหรือไม่ได้เติมตามมาตรฐาน อาจทำให้รถเข้าสู่โหมดจำกัดการทำงาน (reduced power mode) หรือไม่สามารถสตาร์ตได้ในบางกรณี
Hilux TRAVO กับ AdBlue — สิ่งที่ควรรู้

แม้ว่า Toyota ยังไม่ได้เผยรายละเอียดทั้งหมดของ TRAVO ว่า “จะมีระบบ SCR + AdBlue” หรือไม่อย่างชัดเจนในสเปกไทย แต่จากข้อมูลที่มีชี้ว่า:
- TRAVO จะใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร รหัส 1GD-FTV ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ผ่านมาตรฐานไอเสียสากลมากขึ้น
- เมื่อใช้เครื่องยนต์ดีเซลที่มีมาตรฐานไอเสียสูง (Euro 5/6) มักจะมีการติดตั้งระบบหลังการเผาไหม้ เช่น SCR เพื่อให้ผ่านข้อบังคับ
- Toyota เคยให้ข้อมูลว่า “For every 500 km driven approximately 1 litre of AdBlue is used” ในบางรุ่นดีเซลของตน Toyota NZ
ทำไม Hilux TRAVO ต้องใช้ DasBlue AdBlue?
1. เพราะ Hilux TRAVO เป็นดีเซลยุคใหม่ที่ “มาตรฐานไอเสียสูง”
2. DasBlue คือผู้ผลิต AdBlue คุณภาพสูงในไทย — เหมาะกับรถระดับสูง
- DasBlue เป็นผู้ผลิตน้ำยา AdBlue® รายแรกของไทย ที่ได้รับมาตรฐาน ISO 22241 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกใช้เป็นเกณฑ์ของน้ำยา AdBlue คุณภาพ
- DasBlue ให้บริการ “AdBlue Toyota เทคโนโลยีเพื่อลดมลพิษและเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องยนต์ดีเซล” โดยตรงกับรถดีเซลของ Toyota
- การเลือกใช้ AdBlue ที่ได้มาตรฐาน ไม่ใช่แค่มลพิษลดลง แต่ยังช่วยให้ระบบ SCR ทำงานได้อย่างถูกต้อง ลดโอกาสเกิดปัญหา เช่น ไฟเตือน AdBlue หมด, เครื่องยนต์ถูกจำกัดกำลัง, หรือไม่สามารถสตาร์ทรถได้ ดังนั้น เมื่อคุณใช้รถรุ่น Hilux TRAVO ที่สมรรถนะและมาตรฐานสูง การเลือกน้ำยา AdBlue คุณภาพสูง (เช่น DasBlue) ถือเป็นการลงทุนที่ “คุ้ม” เพื่อการบำรุงรักษาที่ถูกต้อง
3. ผลดีเมื่อใช้ DasBlue AdBlue กับ Hilux TRAVO
- ทำให้ระบบ SCR ของรถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ: DasBlue ได้รับการผลิตตามมาตรฐาน ISO 22241 ซึ่งจะช่วยให้การแปลง NOₓ ในไอเสียเป็น N₂ + H₂O (ไอน้ำ) เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ลดโอกาสที่รถจะเข้าสู่โหมดจำกัดกำลังหรือหยุดทำงานแบบฉุกเฉิน: หาก AdBlue หมดหรือน้ำยาไม่มีคุณภาพ ระบบจะเตือนและอาจมีการลดกำลังเครื่องยนต์โดยอัตโนมัติ
- ประหยัดโอกาสเสียหายระยะยาว: การใช้ AdBlue ที่ไม่ได้มาตรฐานอาจส่งผลให้ระบบ SCR หรือ Catalytic Converter เสียหาย ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมสูง
- เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม: Hilux TRAVO เป็นรถที่เน้นสมรรถนะสูงและใช้งานหนัก การใช้ AdBlue ที่ดีช่วยลดการปล่อยมลพิษ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ใช้รถดีเซลยุคใหม่ควรให้ความสำคัญ
4. ข้อแนะนำการใช้งาน DasBlue กับ Hilux TRAVO
- ตรวจสอบว่าในรุ่น Hilux TRAVO ที่คุณมี หรือตั้งใจซื้อ มีระบบ SCR และช่องเติม AdBlue หรือไม่ เพราะไม่ใช่รถดีเซลทุกคันจะมีระบบนี้
- เติมน้ำยา DasBlue เมื่อมีไฟเตือน AdBlue หรือเมื่อระดับต่ำ อย่าปล่อยจนหมด เพราะอาจทำให้รถเข้าสู่โหมดจำกัดการทำงาน
- ใช้ DasBlue รุ่นที่เป็นของแท้ มีฉลากมาตรฐาน ISO 22241 เพื่อให้มั่นใจว่าได้รับคุณภาพที่เหมาะสม
- เก็บและจัดเก็บน้ำยา AdBlue ให้ถูกวิธี: อยู่ในที่เย็น หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง และอย่าเปิดฝาทิ้งไว้เพราะอาจมีการดูดซึมน้ำซึ่งลดคุณภาพได้
- จดบันทึกว่าเติมครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ และตรวจสอบการใช้งานทุก 10,000 กม. หรือมากกว่า ตามที่ผู้ผลิตน้ำยาแนะนำ (ทั่วไปรถดีเซลใช้น้ำยาเฉลี่ยราว 3–5% ของน้ำมันเชื้อเพลิง)
สำหรับผู้ใช้หรือผู้ที่จะซื้อ Hilux TRAVO แล้ว หากรถนั้นเป็นเครื่องยนต์ดีเซลที่มีระบบ SCR และมีช่องเติม AdBlue แล้ว การเลือกใช้ DasBlue AdBlue ถือเป็นตัวเลือกที่ เหมาะสมและคุ้มค่า เพราะทั้งจากมาตรฐานผู้ผลิตน้ำยา, ความเข้ากันได้กับ Toyota โดยเฉพาะ และผลดีต่อทั้งรถและสิ่งแวดล้อม
หากคุณเลือกใช้ DasBlue AdBlue อย่างถูกวิธี ก็ถือว่าเป็นการดูแลรถระดับพรีเมียมได้แบบครบทั้งสมรรถนะและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมครับ



